รวยเงินล้านด้วยเทคนิด ที่เรียกว่าความยาก(ตอนที่ 3)

รวยเงินล้านด้วยเทคนิด ที่เรียกว่าความยาก(ตอนที่ 3)
จากเด็กเกเร มาสู่วงการเสื้อผ้า จนมียอดขายหลายล้าน ตอนที่ 3 เทคนิคการขาย ด้วยความอยาก

ผมไม่รอช้า รีบหาช่างเย็บผ้า และซื้อหนังสือแฟชั่นมาเปิดแล้ว หาแบบที่ชอบ แล้วก็ให้ช่างทำแบบ ตัดเย็บ โดยเริ่มทำทีละน้อยก่อน เพื่อลองตลาด สีละ 3ตัว ทำ 5สี มีสามแบบ รวมทั้งหมด 45ตัว
อาทิตย์ต่อมา ผมเริ่มวางขายผลงานผม ….ปรากฎว่า ผมขายดีมาก ขายหมด ^^ แถมหมดก่อน6โมงเช้าอีก (นั้นแหละทำให้ผมได้ข้อคิดว่า การที่เราจะลงทุนทำอะไรเราควรศึกษาตลาดให้ดีเสียก่อน ความใจร้อนอาจจะพาความล้มเหลวมาได้ แต่ความล้มเหลวจะผ่านไปได้ ถ้าเรามีใจที่สู้และยอมรับความผิดพลาดของตนเอง)


แต่แต่ สงครามยังไม่จบ หลังจากนั้นเสื้อผ้าแฟชั่นผมก็ขายดีมาเรื่อยๆ แต่แฟชั่นนี่ไปไวมากกกก ผ่านไปมีกี่เดือน มีสิ้นค้าจีนเริ่มเข้ามา แม่เจ้า ยอดขายผมเริ่มไม่ดีอีกแล้ว >_< ทำไงดีละ จากที่ขายหมด การเป็นเหลือ 5 ตัว หนักเข้า เหลือ 40 ตัว ขายได้ 5 ตัว ความท้อแท้เริ่มเข้ามา หลายๆคนที่ผมรู้จักเริ่มหายไปจากตลาด เพราะไปไม่ไหว ตอนนั้นน้องสาวเริ่มเข้ามาช่วยกันทำ โดยหุ้นกัน ครึ่งๆ วันที่ขายไม่ดี ได้แต่นั่งคุยกะพี่ตรงข้าม คุยกะลูกค้าเล่น มองหน้าน้องสาวมองถนนเป็น ชั่วโมง สุดท้าย ไม่ไหว คิดว่าเอาว่ะ ไปจีนเลยละกัน

ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่า เค้าขายเสื้อผ้าเมืองไหน เอาเข้าประเทศยังไง แต่ผมคิดว่าไม่มีอะไรจะเสียนิ เลยยืมเงินคุณพ่อ คุณแม่ ไปจีนกัน โดยไปกัน สามคนเพราะเราไม่รู้จะเอาของมาทางไหน ก็คิดได้แต่ทางเครื่อง และรู้จุดหมายของเรา คือเมืองกวางเจา แค่นั้น เราก็บินไปเลย (ก่อนไปผมได้ติดต่อลูกเพื่อนคุณแม่ที่เค้าพูดจีนได้ไว้ก่อนแล้ว) พอถึงกวางเจา เราก็ไปเดินหาซื้อของกัน ของที่นั้นราคาไม่แพงเลย (สมัยนั้นยังไม่ค่อยมีคนไปกัน) เย็บเป็นตัวแล้วตกตัวละ 60บาท พอรู้ราคา ตาเริ่มวาว เพราะเมืองไทยขายกันที่ส่งตัวละ 160 บาท กำไรเละ 100บาท ผมเพิ่งรู้ว่าเสื้อผ้าที่กวางเจา ตัวละ 12 หยวน พอส่งของไปขายที่ เซ็นเจิ้น จะขายตัวละ 25หยวน พอไปถึงฮ่องกงจะขาย 40หยวน ตกตัวละ 200บาท แต่ที่แปลกคือคนไทยไปแค่ เซ็นเจิ้น กะฮ่องกง กลับเหมามาซะเยอะ แล้วบอกว่าถูกมาก แต่หารู้ไหม จริงๆ เค้าหลอกฟันไปหลายต่อแล้ว

เอาละ พอกลับมาถึงเมืองไทย โดนขนกันมา3กระเป๋า ผมจำได้เลยว่าเอามาขายวันแรก ผมยังตกใจเลย คนแย่งยังกะแจกฟรี ขายวันเดียว ได้ค่าตั๋วเครื่องบินพร้อมกำไร เลย เอาละซิครับ เส้นทางบินของผมเริ่มไปได้ดี หลังจากเริ่มบินไปครั้งที่ 2 กำลังจะออกจากสนามบิน ผม ผม โดนเรียกครับ ผมโดนจับข้อหานำของไม่เสียภาษีเข้าประเทศ นาทีนั้นเครียดซิครับ แต่ด้วยความที่ผมพูดเก่ง (เวลาเราโดนจับห้ามดุห้ามด่า ให้พูดดีดีครับแล้วจะรอด) ผมก็คุยเรื่องที่ผมขนของโดยเสนอให้ส่วยแทน กระเป๋าละ 2500 วันนั้นมา 3กระเป๋า ก็ 7500 นาทีนั้นเสี่ยงมากครับ ว่าจะได้หรือไม่ได้ …..

ข้อสรุปในวันนั้นคือ OK และนั้นคือการ เอาของเลี่ยงภาษีครั้งแรกของผม เมื่อ 7ปีก่อน แต่หลังจากนั้น ผมก็ได้เจอกับบริษัทรับขนส่งถูกกฎหมาย ที่รับเอาของเข้าจากจีนมาไทย ในราคากิโลละ 80 บาท (ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เท่าไหร่แล้วนะครับ )แต่ระยะเวลาการเดินทางนี่ซิ ที่มีปัญหาคือ มันค่อนข้างนาน แต่สั่งแต่ละครั้งต้องมีจำนวน แต่ผมต้องยอม ไม่งั้นไม่รู้จะทำไง เลยเอาว่ะ ไปจีนใหม่ สั่งของเยอะขึ้น แต่เมื่อของเยอะขึ้น แล้วจะทำไง ดีละ จะขายยังไง ขายใคร ต้องอย่าลืมว่าแฟชั่นเปลี่ยนเร็ว ใครมาช้า ก็จะกลายเป็นของเก่าในทันที เมื่อเก่าแล้ว เค้าก็จะไม่ซื้อกัน

และแล้วมันก็มา ….เสื้อผ้า พันกว่าตัว มาถึงบ้าน เอาไงละทีนี้ จะขายยังไง พันกว่าตัว เพราะถึงแม้ผมจะมีแผงเล็กๆ แต่ก็ใช่ว่าจะระบายพันตัวได้เพียงวันเดียว และแล้วผมก็คิดว่า ยอมให้เค้าตัดไปขายดีกว่า สมัยก่อนการขายที่สวน จะมีพวกประตูน้ำมาตัดเสื้อผ้า ไปขายส่งต่อ โดยตัดกันที่ส่วนลด 20 บาทต่อตัว

ผมไม่รอช้า หยิบเสื้อผ้า แบบละ1ตัว ใส่ถุง จำได้ดีเลยว่า ผมเดินตั้งแต่กรุงทองไปยังตึกใบหยกแล้วเดินไปถึงตึกอินทราข้างหลัง ผมเดินไปทุกชั้น เดินเข้าไปหาทุกร้าน ยกมือไหว้เค้า แล้ว บอกว่าพี่ผมมีของมาเสนอ เป็นเส้อผ้านำเข้า ถ้าใครไม่สนใจผมก็จะทิ้งเบอร์ไว้ ส่วนใหญ่ เค้ามักไม่สนใจ เพราะเห็นว่าเป็นเด็ก และคิดว่าของที่ผมเอามามันขายไม่ได้ เวลาผ่านไปเร็วยังกะโกหก ผ่านไป จนบ่าย ผมขายไม่ได้ซักตัว นาทีนั้น ผมว่าผมแย่ไม่แพ้ใครแน่ๆ มันอาจจะไม่ใช่เงินก้อนใหญ่ แต่ผมก็ไม่อยากจะเสียไปและจบลงแบบนี้ แต่ทางออกของผมก็ยังพอมีคือไปขายที่แผง แต่ถ้าแฟชั่นเหมือนผมมาเมือ่ไหร่ ผมอาจจะขายไม่ได้เลย เนื่องจากผมเช่าแผงขายจะขายได้แค่วันเดียวคือวันเสาร์เท่านั้น และช่วงเวลาแค่ เที่ยงคืนถึง 7โมงเช้า

…… แต่ผมไม่ท้อครับ ผมเดินกลับไปใหม่ คราวนี้ เค้าไปคุยกับเค้านานขึ้น บอกว่าถึงเห็นผมเป็นเด็กก็จริง แต่ผมไม่คิดจะโกงไม่คิดจะหลอกขายของเด็ดขาย ผมเข้าไปยืนยัน และขอเสนอขายอย่างจริงจัง (ผมอยากให้คนที่ล้มลองลุกแล้วเดินต่อไปจนสุดครับ ชีวิตไม่สิ้นหวังจริงๆ) และผมเริ่มใช้เทคนิคความ อยาก เป็นครั้งแรก ผมบอกว่ามีร้านนั้นร้านนี้เริ่มขอจองของผมแล้วนะ แล้วบอกว่าแต่ของที่ผมเอามา ขายดีมาก หมดแล้วหมดเลย เอามาแต่ละแบบไม่ซ้ำกัน ถ้าชอบผมจะตัดให้หมดเลย ไม่เอาไปขายใครอีก และที่สำคัญถ้าใครจองแล้ว ผมจะไม่เอาไปขายใครด้วย ที่สำคัญต้องหยอดด้วยว่า ผมเห็นร้านพี่ขายดี ผมเลยรีบเอามาให้พี่จองคนแรกเลย ด้วยความ อยากได้ของมาขายทำยอด อยากจองคนแรก สุดท้าย เกือบทุกร้านที่ผมเข้าไปอีกที เค้าสั่งของกันหมดเพราะเห็นร้านนั้นเริ่มจองร้านตัวเองกลัวจะไม่มีเลยอยากได้ของมาทำยอดบ้าง แต่ละร้านเลยยอมตัดของผม จนหมด พันกว่าตัว เห็นไหมครับ ถ้าผมยอมแพ้แล้วเลือกเดินกลับบ้านไปนอนเปิดแอร์ แล้วนอนบ่นท้อๆ ผมอาจจะไม่ได้ รู้จักคนที่ยอมตัดของผม ผมอาจจะไม่ได้ขายของพันตัวได้ในวันเดียว ผมอาจจะไม่มีเงินใช้ลงทุนในคราต่อๆไป และสุดท้ายผม ก็คงได้แต่คิดว่าอยากรวย เมื่อไหร่จะรวยเสียที การขายครั้งนี้ ไม่เพียงแค่ผมขายได้ แต่มันทำให้ผม มีคนรับซื้อของๆผม ตลอดเวลา และหลายเจ้าๆ จนทำให้ผมเริ่มมีเงินตั้งตัวได้ก้อนนึง แม้ไม่มาก แต่ผมก็ภูมิใจ

แต่ๆ เรื่องยังไม่จบนะซิครับ เพราะของจีนเริ่มซา คนไทยไปเองได้ง่ายขึ้น ไปกันเยอะขึ้น ของเริ่มตัดราคากันเอง แล้วจะทำไงดีละ ผมจะแก้ไขยังไง ติดตามในตอนต่อไปนะครับ ^^

ที่มาจากคุณ : ikhong [pantip.com]

อ่านต่อ ตอนที่ 1 , ตอนที่ 2 , ตอนที่ 3






ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก

ฟรีบริการเก็บสถิติเว็บไซด์ FlashSanook แฟลชเกมสนุกของคนออนไลน์