ขออนุญาตนำเรื่องนี้มาลง เนื่องจากที่ได้อ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์มากสำหรับใครที่เริ่มรู้สึกท้อแท้กับชีวิต ชีวิตของคุณและการที่คุณนำมาบอกเล่าสู่กันฟังนั้นเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มากจริงๆ ที่มา http://webboard.money.sanook.com/forum/?topic=3582987
เห็นด้วยอยางยิ่งค่ะ กับประโยคที่ว่า
“ทำไมได้” “มีคนทำเยอะแล้ว” หรือ “ไม่มีลูกค้าหรอก” เพราะเราเองก็เคยเจอคำพูดแบบนั้นเหมือนกัน และก็ไม่เชื่อคำพูดแบบนั้น จนทำให้ชีวิตมีวันนี้ ขอเล่าประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ท่านอื่นๆ ที่กำลังคิดเริ่มต้นธุรกิจ หรือชีวิตใหม่น่ะค่ะ
เราแต่งงาน 6 ปีถึงได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่งแล้วก็แยกกันอยู่มาตลอด พอมาอยู่ด้วยกันเราถึงรู้ว่าแฟนเราเล่นการพนัน และมีหนี้เยอะ เราก็ตามเช็ด ตามล้างให้ตลอด จนสุดท้ายเรายื่นคำขาดว่า ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะเงินเก็บเราหมดแล้ว เราต้องไปกู้มาแล้ว สุดท้ายเราไปกู้มา 1.5 แสน เพราะเราไม่ชอบเวลามีคนมาทวงหนี้ เค้าก็บอกว่าจะช่วยเราผ่อน สุดท้ายเราต้องผ่อนคนเดียว เพราะเค้าเหลือเงินเดือนแค่ 5 พันกว่าบาท ใช้คนเดียวก็ไม่พอแล้ว
พอช่วงหลังพอร้านเราขายของไม่ดี เพราะร้านเปิดใหม่เยอะมาก และมีเปิดท้ายทุกวัน เราเปิดร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอางค์ ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก สุดท้ายเรากับสามีก็ทะเลาะกัน วันที่เราจำไปจนตายคือวันหนึ่ง แฟนบอกว่าจะไปหาแม่ที่ต่างจังหวัด เราบอกว่าเราไม่มีเงินเลย นมลูกก็จะหมด เค้าบอกว่าไม่มีเหมือนกัน แล้วขึ้นรถไปเลย วันนั้นเราขายของไม่ได้เลย ไปกดเงินตาม ATM ที่มีอยู่ได้เงินมา 300 ซื้อนมให้ลูกแล้ว เหลือเงิน 30 บาท ว่าจะไปซื้อข้าวสักกล่องกินกัน 3 คน พอดีลูกคนโตร้องซื้อขนม เราซื้อขนมให้คนละ 10 บาท เหลือเงิน 10 บาท ก็ซื้อผงซักฟอก หมดเงิน เกิดมาในชีวิตไม่เคยเจอเลย ไม่มีเงินติดบ้านแม้แต่บาทเดียว ดีที่ที่บ้านเหลือข้าวประมาณ 1 จานกับไข่ 1 ฟอง เอาทอดให้ลูกกิน ลูกกินอิ่มแล้ว เราก็กินที่เหลือ นั่งซักผ้าไป ร้องไหไป เราไม่โทรไปขอเงินทางบ้านด้วย กลัวพ่อ แม่จะเสียใจที่ส่งเสียให้เราเรียนแล้ว ทำงานดีๆ แล้ว ลาออกมา ถ้าเค้ารู้ว่าเรากำลังลำบาก เค้าคงเสียใจมาก ก็เลยโทรไปหาพี่ชาย เพราะเค้ายืมเงินเราไปประมาณ 2 แสน เค้าบอกว่าพี่ไม่มี ถ้ามีจะค่อยๆ คืนให้ก็แล้วกัน เราน้ำตาตกเลย พี่ไม่มี แต่พี่กำลังจะถอยรถใหม่ให้เมีย เราเสียใจมาก พูดไม่ออกเลย
เรามองหน้าลูกแล้วกอดลูกนั่งร้อง ลูกสาวอายุ 2 ขวบ ถามว่าแม่ร้องทำไม แล้วเอามือเช็ดน้ำตาให้ เราบอกว่าแม่สัญญาว่าจะต้องให้ลูกอยู่อย่างสุขสบาย จะไม่ลำบากเหมือนแม่
เช้ามาเราติดป้ายเซ้งร้านเลย ประมาณ 10 วันเราเซ้งร้านได้ เราเอาเงินที่เซ้งร้านได้ปลดหนี้ก้อนนั้น เหลือเงินก้อนสุดท้าย 10,000 จะเอาไปทำอะไรได้ สามีก็ไม่ช่วยเหลือ สุดท้ายตัดสินใจ พาลูก 4 ขวบ กับ 2 ขวบ ย้ายออกมาจากบ้านพักของสามี เราทะเลาะกันใหญ่โต สุดท้ายเราบอกว่าพอแล้ว กับชีวิตแบบนี้ เราขอเลือกที่จะอยู่กับลูกโดยไม่มีเค้า เราเหนื่อย เราทนกับเค้ามา 10 ปีแล้ว เรามาเช่าบ้านอยู่ 3 คนแม่ลูก นอนคิดจะทำอะไรดี เรามีเสื้อผ้า กับที่นอน และคอม 1 เครื่อง รถมอไซต์เก่าๆ 1 คันกับเครื่องสำอางค์และผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักอยู่อย่างละนิดหน่อย เรามานั่งคิดว่าจะทำอะไรให้ได้เงินมากที่สุดและลงทุนน้อยที่สุด เงิน 10,000 ที่มีมาคือเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตเราแล้ว อย่างน้อยเราก็ไม่มีหนี้สินแล้วด้วย งานที่ต้องเลี้ยงลูกได้ด้วย เพราะคนเล็ก 2 ขวบ ยังไม่เข้าโรงเรียน ลูกหลับแล้ว เราต่อคอมไว้ให้ลูกดูหนัง เราก็เลยคิดว่า ถ้าเราขายของทางอินเตอร์เน็ตละ เรามีของอยู่แล้ว คอมก็มี โทรไปคุยกับเพื่อน เราก็เจอประโยคแบบเจ้าของกระทู้บอกเลย เราก็บอกคนตั้ง 60 ล้านคน จะไม่มีใครซื้อของร้านเราเลยเหรอ ไม่ต้องไม่เป็นแบบนั้น เช้ามาเราไปซื้อซิมเน็ตมาต่อกับคอม เริ่มหาข้อมูลเปิดร้านขายของทางอินเตอร์เน็ต
เราดำเนินการทุกอย่างเสร็จภายใน 1 วัน ลงรูป ลงสินค้า แล้วจะขายใคร ขายได้ยังไง ใครจะรู้จักเว็บเรา เราก็หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตต่อ ต้องลงโฆษณา google เราติดต่อไป เค้าคิดเดือนละ 9000 เราก็นอนคิดตั้งคืนเลย ถ้าเราลงโฆษณาไป เราก็เหลือเงินพันเดียว จะทำยังไงดี ถ้าขายไม่ได้เราต้องอดตาย เราเลยลองหาว่าสินค้าเราคู่แข่งมากน้อยยังไง สุดท้ายเราตัดสินใจลงโฆษณา เช้าไปโอนเงิน เหลือเงินพันเดียว 1 ชม. ผ่านไป เค้าโทรมาแจ้งว่าโฆษณาขึ้นแล้ว เรารีบกลับบ้านไปเช็คดู ขึ้นจริงๆ ด้วย ก็นั่งลุ้นว่าจะขายได้มั้ย พักใหญ่ๆ โทรศัพท์โทรเข้ามา รีบวิ่งไปรับ ลูกค้าโทรมา เราดีใจมาก เราอธิบายสินค้า ให้ข้อมูลกับลูกค้าเยอะที่สุดเท่าที่เรารู้ สุดท้ายวันแรกเราขายของได้ พันกว่าบาท ดีใจแทบตาย สรุปในเดือนแรก เราขายได้ แสนกว่าบาท เราดีใจมาก เดือนต่อไปเราอัดโฆษณาเป็นเดือนละ 20,000 เราขายได้ 300,000 เราดีใจมาก ตอนกลางวันรับโทรศัพท์ ลูกค้าซื้อหรือไม่ซื้อเค้าต้องโทรมาสอบถามข้อมูลก่อน เราก็ให้คำปรึกษากับลูกค้าทุกคน ตอนกลางวันรับโทรศัพท์กับเลี้ยงลูก พอตอนกลางคืนแพ็คของ
ที่มา สนุก.คอม
อ่านต่อ ตอนที่ 2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น